รวบรวมข้อมูลมาทั้งวัน จะเตรียมสไลด์เสนองานอย่างไรให้คนไม่หลับใส่
—
วันนี้ช่วง Design Friday พามาเลือก 13 infographics ให้เหมาะกับรูปแบบงานแต่ละประเภทของผู้อ่านกันนะคะ
1. Statistical Infographic (ข้อมูลเชิงสถิติ ตัวเลข)
ข้อมูลแบบนี้พบเห็นได้บ่อยไม่ว่าจะนักการตลาด หรือนักการเงิน มาแปลงข้อมูลทางตัวเลขเยอะๆ ข้อเท็จจริงที่ต้อง keep tracking หรือการให้ข้อมูลทางสถิติมาเป็นภาพ Visualized จะทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น
—
ตัวอย่าง: ข้อมูลทางประชากร, การแสดงข้อมูลยอดขายและ KPI แต่ละเดือนในรูปแบบ pile chart, bar graph, pictograph
2.Informational Infographic (แบบให้ข้อมูล)
information overload เป็นสิ่งที่เราเจอกันในชีวิตประจำวัน ข้อมูลเนื้อหายาวๆ อาจจะทำให้คนหันหนีเสียก่อน มาตัดเนื้อหาที่ไม่จำเป็น และทำให้บทความเรียบ ๆ ดูน่าสนใจด้วยการทำ Informational Infographic
—
ตัวอย่าง: วิธีตั้งเป้าหมายกับตัวเอง, เคล็ดลับการเป็นนักพูดที่ดี
3.How-To Infographic
ทุกครั้งที่เราซื้อเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากสวีเดนอย่าง IKEA จะพบกับคู่มือการประกอบของสิ่งของชนิดนั้นแนบมาด้วย เพื่ออธิบายวิธีการทำบางสิ่งบางอย่างเป็น infographic เปลี่ยนข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจและจดจำได้ง่ายมากขึ้น
—
ตัวอย่าง: คู่มือการประกอบโซฟาเบด
4.Timeline Infographic (แบบเรียงลำดับเวลา)
การบอกเล่าเรื่องราว ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์โดยใช้เส้นแทน “ระยะเวลา, ช่วงเวลา” ด้วย Timeline Infographic ที่จะทำให้คนรู้สึกสนุกและเป็นภาพจำแก่ผู้พบเห็น
—
ตัวอย่าง: ประวัติของบุคคล, เหตุการณ์และประวัติการก่อตั้งบริษัท, ไทม์ไลน์ของโครงการต่างๆ
5. Comparison Infographic / Versus Infographic (ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ)
หากต้องการเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่งเป็นต้นไปในหมวดหมู่เดียวกัน ข้อดี-ข้อเสีย Comparison Infographic จะถูกเลือกใช้เป็นอันดับต้นๆ ทั้งยังทำให้ลูกค้าเห็นภาพชัดและนำไปสู่การตัดสินใจที่ง่ายขึ้น
—
ตัวอย่าง: การเปรียบเทียบการยิงแอด FB และ IG
—
ตัวอย่าง: การเปรียบเทียบการยิงแอด FB และ IG
6. Process Infographic (เล่ากระบวนการทำงาน)
Infographic ประเภทนี้เน้นเล่ากระบวนการทำงานเพื่อมองให้เห็นภาพมากขึ้น
—
ตัวอย่าง: การวางกลยุทธ์ทางตลาด, Customer Journey Map
—
ตัวอย่าง: การวางกลยุทธ์ทางตลาด, Customer Journey Map
7. Location Infographic (ข้อมูลเชิงสถานที่)
ใช้เมื่อต้องการแสดงข้อมูลจำพวกตำแหน่ง สถานที่ โดยเลือกตามscale ของข้อมูลที่มี
—
ตัวอย่าง: สัดส่วนประชากรในแต่ละพื้นที่ที่ติดโคโรนาไวรัส
—
ตัวอย่าง: สัดส่วนประชากรในแต่ละพื้นที่ที่ติดโคโรนาไวรัส
8. Flowchart Infographic
เหมาะกับการนำเสนอแบบเป็นขั้นเป็นตอน สามารถเข้าใจว่ากระบวนการหนึ่งๆ ประกอบไปด้วยกิจกรรมหรือขั้นตอนย่อยอย่างไรบ้าง
9. Visualized Numbers Infographic
Infographic ที่ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ (typography) เพื่อเน้นและแสดงข้อมูลทางตัวเลข หรือสถิติที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
—
ตัวอย่าง: การเปิดขึ้นต้นสไลด์เพื่อแสดงตัวเลขทางสถิติหรือตัวเลข
—
ตัวอย่าง: การเปิดขึ้นต้นสไลด์เพื่อแสดงตัวเลขทางสถิติหรือตัวเลข
10. Hierarchical Infographic (เชิงเรียงลำดับความสำคัญ)
Infographic ประเภทนี้เน้นการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล สามารถแสดงให้เห็นลำดับความสำคัญของข้อมูลจากมากไปน้อย จะพบเห็นได้บ่อยในรูปทรงพีระมิด
11. Single Chart Infographic
เป็น infographic ที่ได้รับความนิยมมาก สามารถแสดงข้อมูลซับซ้อนให้ดูเข้าใจง่ายด้วย Chart เดียว
—
ตัวอย่าง: กราฟแสดงสัดส่วน% ของ application ที่ใช้งานบนมือถือ
12. Anatomical Infographic
เหมาะกับการอธิบายส่วนประกอบด้านในของสิ่งของบางสิ่ง สร้างภาพให้เห็นส่วนประกอบแต่ละส่วน
—
ตัวอย่าง: อธิบายส่วนประกอบด้านในของเครื่องคอมพิวเตอร์
13. Visual Resume Infographic
เปลี่ยน Resume ที่เรียบๆ มีแต่ตัวหนังสือให้ดูน่าสนใจ และโดดเด่นขึ้นด้วย visual resume
—
ตัวอย่าง: Resumeสมัครงาน
.
หวังว่า 13 infographics ที่ทาง BetterPitch มาแชร์ในวันนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกคนทำงานง่ายกันมากขึ้นนะคะ
ข้อมูล: visme